ภูเก็ตเกิดเหตุแท็กซี่เจ้าถิ่นรุมทำร้ายคนขับรถแอปฯ บาดเจ็บสาหัส กะโหลกร้าว

แชร์ Share Facebook Share Line

ภูเก็ต – เกิดเหตุการณ์แท็กซี่เจ้าถิ่นทำร้ายร่างกายคนขับรถแอปพลิเคชันอีกครั้ง ส่งผลให้คนขับรถแอปฯ บาดเจ็บสาหัส กะโหลกร้าว ขณะที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนและติดตามตัวผู้ก่อเหตุ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ศูนย์ข้อมูลภูเก็ตได้เผยแพร่ภาพนิ่งและข้อความผ่านเพจของศูนย์ ระบุว่าเกิดเหตุแท็กซี่เจ้าถิ่นรุมทำร้ายคนขับรถแอปพลิเคชันที่ซอยลายัน 1/1 ตำบลเชิงทะเล เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. โดยกลุ่มแท็กซี่เหล่านี้แสดงพฤติกรรมคล้ายมาเฟีย ทำร้ายร่างกายชายหนุ่มที่ขับรถแอปฯ ป้ายเขียว ซึ่งอยู่ในอาการสาหัส และตรวจพบว่ากะโหลกร้าว

รายละเอียดเหตุการณ์

เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. กลุ่มแท็กซี่เจ้าถิ่นสองคนได้รุมทำร้ายนายวิโรจน์ เอ็มเล่ง อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถแอปพลิเคชันที่จอดรถอยู่บริเวณซอยลายัน 1/1 โดยชกต่อยและเตะที่ใบหน้าและร่างกายอย่างรุนแรง หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.วีระพงศ์ รักขิโต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ได้สั่งการให้รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปราม พร้อมชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและดูอาการผู้บาดเจ็บ ซึ่งมีบาดแผลที่บริเวณหน้าผากและเบ้าตาขวา

นายวิโรจน์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลถลางเพื่อตรวจเอกซเรย์ ซึ่งพบว่ากะโหลกร้าวบริเวณหางคิ้ว จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวนายสุธน เกตุแก้ว อายุ 38 ปี และนายภิเชษฐ์ ทิพย์บำรุง อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ และแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ

ความคืบหน้าล่าสุด

เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกัน พ.ต.อ.วีระพงศ์ รักขิโต ผกก.สภ.เชิงทะเล ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาแล้ว และอยู่ระหว่างรอผลการวินิจฉัยบาดแผลจากแพทย์เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นายหนุ่ม เพื่อนของนายวิโรจน์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายวิโรจน์ได้โทรหาตนก่อนเกิดเหตุและบอกว่าจะไปรับลูกค้าที่โซนลากูน่า ลายัน จอดรถอยู่ห่างจากคิวแท็กซี่ราว 2 กิโลเมตร จากนั้นมีชายสองคนขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาและเกิดเหตุการณ์รุมทำร้ายดังกล่าว

พ.ต.อ.วีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุได้มีการเผยแพร่คลิปกล้องหน้ารถของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามตัวผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความรุนแรงและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในอาชีพแท็กซี่ ซึ่งต้องการการแก้ไขและการปฏิบัติที่เป็นธรรมเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการทุกคน"