ไซนัสอักเสบ สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

แชร์ Share Facebook Share Line

ไซนัสอักเสบ หรือซินูไซติส (Sinusitis) เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงอากาศไซนัสเกิดการอักเสบ โพรงไซนัสเป็นช่องอากาศในกะโหลกศีรษะบริเวณใบหน้าและหน้าผาก เชื่อมต่อกับโพรงจมูก เมื่อเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ จะทำให้เกิดการบวม ทำให้ทางเดินของน้ำมูกไม่สามารถระบายออกได้ ส่งผลให้มีน้ำมูกสะสมและเกิดอาการต่างๆ

สาเหตุของไซนัสอักเสบ

  1. การติดเชื้อ: มักเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา
  2. ภูมิแพ้: สามารถกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงอากาศไซนัสอักเสบได้
  3. โครงสร้างผิดปกติ: เช่น ผนังกั้นจมูกคด หรือริดสีดวงจมูก
  4. โรคอื่นๆ: เช่น โรคหอบหืด โรคซีสต์ใยอาหาร โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

อาการของไซนัสอักเสบ

อาการสามารถแบ่งเป็นแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยอาการเรื้อรังจะเป็นนานกว่า 12 สัปดาห์

  1. คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล (อาจเป็นสีใส เหลือง หรือเขียวข้น)
  2. ปวดบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะแก้ม หน้าผาก หรือรอบดวงตา
  3. ปวดศีรษะ
  4. ไอ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  5. มีไข้
  6. อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
  7. สูญเสียการรับกลิ่น
  8. มีกลิ่นปากไม่ดีหรือกลิ่นเหม็นในจมูก
  9. ปวดฟันบริเวณโหนกแก้ม

การวินิจฉัย: แพทย์จะวินิจฉัยจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเอกซ์เรย์โพรงจมูก หรือการตรวจส่องกล้องโพรงจมูก

วิธีการรักษา:

  1. การใช้ยา:
    • ยาแก้แพ้และลดน้ำมูก
    • ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก เพื่อลดการอักเสบ
    • ยาปฏิชีวนะ ในกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย
    • ยาแก้ปวดและลดไข้ เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน
  2. การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: ช่วยชะล้างสิ่งระคายเคืองและเชื้อโรค
  3. การพักผ่อนให้เพียงพอ: ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น
  4. การดื่มน้ำมากๆ: ช่วยให้เสมหะเหลวและระบายออกได้ง่าย
  5. การประคบอุ่น: บรรเทาอาการปวดบริเวณใบหน้า
  6. การรักษาทางการแพทย์:
    • การเจาะไซนัส: ทำให้ทางเดินของน้ำมูกเปิดเพื่อระบายเสมหะ
    • การผ่าตัด: ในกรณีที่อาการเรื้อรังและรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล

การป้องกัน:

  1. ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดการติดเชื้อ
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ
  3. ควบคุมอาการภูมิแพ้
  4. งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
  5. ใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน
  6. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังเป็นหวัด

ควรพบแพทย์เมื่อ:

  1. อาการไม่ดีขึ้นหลังการรักษาด้วยตนเอง
  2. มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส
  3. มีอาการปวดใบหน้ารุนแรง
  4. มีอาการตาบวม
  5. มีอาการทางระบบประสาท

การรู้จักอาการและวิธีการรักษาไซนัสอักเสบจะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้างได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและทำให้หายเร็วขึ้น

ติดตามข่าวสาร

ติดตามเรา

Link to Facebook Link to Line