เทคนิคการขอขึ้นเงินเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ - วิธีการและเคล็ดลับที่ได้ผล
ใกล้จะสิ้นปีแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทบทวนว่าปีนี้คุณประสบความสำเร็จในการทำงานและอาชีพมากน้อยแค่ไหน คุณได้รับเงินเดือนคุ้มค่ากับที่ทุ่มเทไปหรือไม่ หากคำตอบคือ “ไม่” ถึงเวลาแล้วที่คุณควรขอขึ้นเงินเดือน
การขอขึ้นเงินเดือนเป็นเรื่องท้าทายและต้องการความกล้า ความมั่นใจ และการเตรียมตัวที่ดี จากการสำรวจของ Fast Company พบว่า 49% ของผู้สมัครงานไม่เคยลองเจรจาขอขึ้นเงินเดือนตั้งแต่ได้รับการเสนอเงินเดือนครั้งแรก เนื่องจากความกลัวและไม่มั่นใจในการเจรจา ดังนั้น PHUKET108 ได้รวบรวมวิธีการที่จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจและมีอำนาจในการต่อรองเพื่อขอขึ้นเงินเดือน ดังนี้
1. ไม่กล้าขอ ก็ไม่ได้:
หากคุณคิดว่าการทำงานหนักจะทำให้เจ้านายเห็นและให้เงินเดือนเพิ่มเองนั้นไม่เป็นจริง การขอขึ้นเงินเดือนต้องเริ่มจากความกล้าที่จะถาม เพราะหากคุณไม่กล้าขอ คุณก็จะไม่ได้ ดังนั้นการเริ่มพูดและต่อรองขอขึ้นเงินเดือนจึงเป็นบันไดก้าวแรกที่จะทำให้คุณได้รับเงินเดือนที่คุ้มค่าในอนาคต
การเข้าไปขอขึ้นเงินเดือนจากเจ้านายอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่สิ่งสำคัญคือความกล้าที่จะเริ่มต้น มันอาจเป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนใจและเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธ แต่การถูกปฏิเสธเป็นเพียงแค่กระบวนการหนึ่งที่ผ่านไปแล้วเดี๋ยวมันก็ผ่านไป การแสดงความกล้าและความมั่นใจในตัวเองจะทำให้เจ้านายเห็นคุณในมุมใหม่ และอาจทำให้คุณโดดเด่นขึ้นในสายตาของเขา
2. ไม่สำคัญว่าตอนนี้คุณได้เงินเดือนอยู่เท่าไหร่:
การขอขึ้นเงินเดือนควรพิจารณาจากมูลค่าของคุณในตลาดงาน ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และฐานเฉลี่ยเงินเดือนของเพื่อนร่วมงานของคุณ
การที่คุณจะขอขึ้นเงินเดือน ไม่ควรอ้างอิงจากฐานเงินเดือนที่คุณได้รับอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาถึงมูลค่าของตัวคุณในตลาดงาน ประเมินว่าทักษะและประสบการณ์ของคุณมีค่าแค่ไหน รวมถึงดูว่าฐานเงินเดือนของเพื่อนร่วมงานในตำแหน่งเดียวกันเป็นอย่างไร การรู้ว่าตลาดงานในปัจจุบันเป็นอย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถตั้งตัวเลขเงินเดือนที่เหมาะสมได้
3. รู้ว่าคุณทุ่มเททำอะไรให้บริษัทบ้าง:
การเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับผลงาน ทักษะ และประสบการณ์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ การรู้ว่าคุณทำอะไรให้บริษัทบ้างจะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอคุณค่าและความสำเร็จของคุณในการเจรจา
คุณควรรู้ว่าผลงานอะไรที่คุณทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว การมีข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถนำเสนอคุณค่าและความสำเร็จของคุณได้ชัดเจน นอกจากนี้ การโฆษณาความสำเร็จของตัวคุณเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ฝึกฝนทักษะในการแสดงออกถึงผลงานของคุณให้เจ้านายเห็นว่าคุณทุ่มเทแค่ไหน และพยายามหาข้อมูลว่าตอนนี้เทรนด์การขอขึ้นเงินเดือนเป็นอย่างไร ควรคำนวณตัวเลขเงินเดือนที่ต้องการจากข้อมูลที่ได้จากการวิจัย
4. มีแผนสำรอง ถ้าขอขึ้นเงินเดือนไม่สำเร็จ:
คุณควรมีตัวเลขเงินเดือนที่ต้องการหลายตัวในใจ เผื่อเวลาที่เจ้านายปฏิเสธตัวเลขแรก นอกจากนี้ยังสามารถยกข้อเสนอที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น วันลาพักร้อนที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
การมีแผนสำรองเป็นสิ่งสำคัญในการเจรจาขอขึ้นเงินเดือน คุณควรมีตัวเลขเงินเดือนหลายตัวในใจ เผื่อว่าเจ้านายปฏิเสธตัวเลขที่คุณเสนอไปในครั้งแรก นอกจากนี้ยังสามารถพิจารณาข้อเสนอที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น การทำงานที่ยืดหยุ่น วันลาพักร้อนที่เพิ่มขึ้น หรือการได้รับงบเพิ่มสำหรับการไปสัมมนาหรืออบรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับคุณได้โดยไม่ต้องเป็นตัวเงิน
5. พยายามวางเฉยและทำตัวเป็นกลางตลอดการเจรจาต่อรอง:
การควบคุมอารมณ์และวางเฉยในการเจรจาจะช่วยให้คุณสงบและมีสมาธิ ควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น
หนึ่งในกฎพื้นฐานของการเจรจาคือคุณต้องมีหน้าวางเฉยที่ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ การวางเฉยและแสดงความรู้สึกเป็นกลางจะช่วยให้คุณสงบและมีสมาธิตลอดกระบวนการ ถึงแม้จะฟังดูพูดง่ายกว่าทำก็ตาม การที่คุณสามารถควบคุมอารมณ์และแยกอารมณ์ความรู้สึกออกจากภาวะที่เป็นอยู่จะทำให้คุณสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น
ขั้นตอนการเจรจาขอขึ้นเงินเดือน
ก่อนที่จะเดินเข้าไปขอขึ้นเงินเดือน คุณควรเตรียมตัวให้ดีก่อน โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้:
1. เข้าไปหาหัวหน้าเมื่อไหร่ดี?:
- เมื่อเงินเดือนไม่น่าพอใจ: คุณควรพิจารณาเงินเดือนปัจจุบันว่ามันเหมาะสมกับวุฒิการศึกษา ตำแหน่ง ความสามารถ และประสบการณ์ของคุณหรือไม่
- เมื่อทำงานมานานและไม่มีการขยับขึ้น: หากคุณทำงานมาเกิน 1 ปีแล้วแต่เงินเดือนยังคงที่ ควรเป็นสัญญาณว่าคุณควรพิจารณาขอขึ้นเงินเดือน
- เมื่อมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ: หากผลงานของคุณได้รับคำชมจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน ถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะขอขึ้นเงินเดือน
- เมื่อผ่านโปรฯ หรือเลื่อนตำแหน่ง: เมื่อผ่านโปรฯ หรือเลื่อนตำแหน่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการขอขึ้นเงินเดือน
2. ถึงเวลาเจรจากับหัวหน้า:
- ประเมินตนเองจากปัจจัยต่าง ๆ: พิจารณาผลงานและเหตุผลที่ทำให้คุณสมควรได้รับเงินเดือนเพิ่ม
- ดูจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม: เลือกช่วงเวลาที่หัวหน้าอารมณ์ดี ไม่ตึงเครียด และสถานการณ์ผลประกอบการของบริษัทอยู่ในช่วงที่ดี
- แต่งตัวดีและวางตัวเหมาะสม: การแต่งตัวและวางตัวที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในการเจรจา
- สุภาพและพูดจาค่อยเป็นค่อยไป: การพูดจาอย่างสุภาพและมีเหตุผลจะช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น
- ไม่เจาะจงตัวเลขที่ขอเพิ่ม: อย่าเจาะจงตัวเลขเงินเดือนที่ต้องการ แต่ควรบอกว่าเพิ่มตามผลงานหรือเป็นไปตามความเห็นของหัวหน้าและฝ่าย HR
- อย่าบังคับหรือก้าวร้าวกับหัวหน้า: การแสดงความก้าวร้าวจะทำให้การเจรจาเป็นไปในทิศทางลบ
3. หลังจากการเจรจาต่อรอง:
- หากคำตอบเป็น "YES": ถามรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างสุภาพและแสดงความทุ่มเทต่อไป
- หากคำตอบเป็น "NO": ยอมรับการตัดสินใจของหัวหน้าและพัฒนาตนเองต่อไป
เทคนิคการเรียกเงินเดือนที่สมเหตุสมผล
การเรียกเงินเดือนที่สมเหตุสมผลควรพิจารณาจากกลุ่มคนทำงานดังนี้:
กลุ่มนักศึกษาจบใหม่:
- เรียกเงินเดือนตามโครงสร้างเงินเดือนในตลาดงาน: ค้นหาข้อมูลเรทเงินเดือนของนักศึกษาจบใหม่ในตำแหน่งที่คุณสนใจ
- ประเมินจากข้อมูลของบริษัทและผลประกอบการ: ศึกษาข้อมูลของบริษัทว่ามีขนาดและผลประกอบการเป็นอย่างไร
- หากต้องการเรียกเงินเพิ่ม ควรมีทักษะที่โดดเด่นและมีประโยชน์ต่อการทำงาน: ทักษะภาษาที่สามหรือความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เป็นที่ต้องการ
กลุ่มมีประสบการณ์ที่มีงานทำอยู่ แต่อยากเปลี่ยนงาน:
- เรียกเงินเดือนเพิ่มตามเรทในตลาด ไม่ควรเกินช่วงเงินเดือนในประกาศงาน: ประเมินตัวเลขเงินเดือนที่เหมาะสมจากตำแหน่งและประสบการณ์ที่มี
- คนที่ไม่เคยย้ายงานหรือทำตำแหน่งที่ตลาดต้องการ อาจเรียกได้สูงกว่าปกติ: หากคุณทำงานในตำแหน่งที่เป็นที่ต้องการมากในตลาด คุณอาจเรียกเงินเดือนได้สูงกว่าปกติ
กลุ่มมีประสบการณ์ที่เพิ่งเปลี่ยนงานมาไม่นาน:
- ควรขอเพิ่มไม่เกิน 15% หากทำงานได้ประมาณหนึ่งปี: ประเมินว่าการขอเงินเดือนเพิ่มควรอยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับระยะเวลาที่คุณทำงาน
กลุ่มมีประสบการณ์ แต่กำลังว่างงานอยู่:
- ยิ่งว่างงานนานเท่าไหร่ ยิ่งมีผลต่อเงินเดือนมากเท่านั้น: การว่างงานนานจะทำให้โอกาสในการขอเงินเดือนเพิ่มลดลง
- ว่างงานไม่เกินหนึ่งปี สามารถขอเพิ่มได้ 5-10%: หากคุณว่างงานไม่เกินหนึ่งปี โอกาสในการขอเงินเดือนเพิ่มยังคงมีอยู่
- ว่างงานมากกว่า 1 ปี อาจจะขอเพิ่มได้ยาก: การว่างงานนานกว่า 1 ปีอาจทำให้การขอเงินเดือนเพิ่มเป็นไปได้ยากขึ้น
กลุ่มมีประสบการณ์ แต่ย้ายสายงาน:
- การขอเงินเดือนเพิ่มยาก แต่ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ว่าต่อยอดได้ไหม: ประเมินว่าทักษะและประสบการณ์ของคุณสามารถนำมาใช้ในสายงานใหม่ได้อย่างไร
- การเปลี่ยนสายงานอาจทำให้เงินเดือนลดลง แต่ควรพิจารณาความสุขและโอกาสเติบโตในอนาคต: คิดถึงความสุขและโอกาสในการเติบโตในอนาคตที่คุณจะได้รับจากการเปลี่ยนสายงาน
การเรียกเงินเดือนที่สมเหตุสมผลต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สวัสดิการ โบนัส เวลา และสิ่งที่จะได้จากการทำงานที่นั่น สิ่งสำคัญคือความสุขและความพอใจในงานที่ทำ