สาเหตุของกรดไหลย้อน มาจากอะไร?

แชร์ Share Facebook Share Line

กรดไหลย้อน หรือ GERD (Gastroesophageal Reflux Disease) เป็นภาวะที่กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมายังหลอดอาหารส่วนล่าง ทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก ไอ เรอเปรี้ยว คอแห้งระคายคอ กรดไหลย้อนมีสาเหตุหลักมาจาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ คือ

กลไกการทำงานของร่างกายผิดปกติ

  • หูรูดหลอดอาหารส่วนปลาย (Lower Esophageal Sphincter): ทำงานผิดปกติ หูรูดหลอดอาหารส่วนปลายทำหน้าที่เปิด-ปิด เปรียบเสมือนประตูกั้นระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร หากหูรูดนี้หย่อนยานหรือทำงานผิดปกติ จะทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหารได้ง่าย
  • ความผิดปกติของกระเพาะอาหาร: กระเพาะอาหารโต กระเพาะอาหารหย่อนหรือมีรอยพับ อาจทำให้กรดไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น
  • ความผิดปกติของหลอดอาหาร: ภาวะไส้เลื่อนกระบังลม ทำให้กระเพาะอาหารยื่นขึ้นมาเหนือช่องว่างรูรั่ว เมื่อร่างกายดันเนื้อเยื่อบริเวณนั้น จะทำให้กรดจากกระเพาะสามารถไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย

ปัจจัยภายนอกกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน

  • อาหารและเครื่องดื่ม: อาหารรสจัด เผ็ด เค็ม หวาน อาหารมัน ทอดหรือผัดมันมาก เครื่องเทศ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม มะเขือเทศ หัวหอม กระเทียม สามารถกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้
  • น้ำหนักเกิน: โรคอ้วน การมีน้ำหนักตัวเกินทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องมากขึ้น กดทับกระเพาะอาหาร อาจนำไปสู่กรดไหลย้อน
  • พฤติกรรมการนอนและท่าทาง: การนอนหงายราบ การก้มตัว การยกของหนัก การนั่งหลังค่อม ทำให้เกิดแรงดันบริเวณหน้าท้องและช่องท้องเพิ่มขึ้น อาจเป็นสาเหตุของกรดไหลย้อน
  • ยาบางชนิด: ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาคลายกล้ามเนื้อ ยารักษาโรคบางชนิด สามารถคลายหูรูดหลอดอาหาร หรือเพิ่มการหลั่งกรดจากกระเพาะ
  • การตั้งครรภ์: ฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์จะคลายกล้ามเนื้อหูรูด รวมถึงแรงดันที่เพิ่มขึ้นจากการเจริญเติบโตของทารก ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน
  • ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง ได้แก่ การสูบบุหรี่ โรคหืด โรคหลอดอาหารอักเสบ ภูมิแพ้ เป็นต้น

การเข้าใจสาเหตุของกรดไหลย้อนจะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงและจัดการปัจจัยเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมการกิน การนอน และการออกกำลังกาย หากอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ติดตามข่าวสาร

ติดตามเรา

Link to Facebook Link to Line