ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะเบิร์นเอ้าท์

แชร์ Share Facebook Share Line

เบิร์นเอ้าท์ หรือ ภาวะหมดไฟ เป็นภาวะความอ่อนล้าทางอารมณ์ เกิดจากความเครียดเรื้อรัง ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เปรียบเสมือนไฟที่เคยลุกโชน กลับมอดดับลง เหลือเพียงเถ้าถ่าน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะเบิร์นเอ้าท์ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

1. ปัจจัยด้านตัวบุคคล

  • ลักษณะนิสัย: คนที่มีลักษณะนิสัยชอบรับผิดชอบ มุ่งมั่น perfectionist ทำงานหนัก ทุ่มเทให้กับงาน มักมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • บุคลิกภาพ: คนที่มีบุคลิกภาพแบบ Type A มักมีความทะเยอทะยาน มุ่งมั่น แข่งขัน ทำงานหนัก มักมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • ทักษะการจัดการความเครียด: คนที่ไม่มีทักษะการจัดการความเครียดที่ดี มักเผชิญกับความเครียดสะสม ส่งผลต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์

2. ปัจจัยด้านงาน

  • งานที่มีความกดดันสูง: งานที่มีความกดดันสูง ต้องทำงานแข่งกับเวลา เผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคบ่อยครั้ง มักมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • งานที่มีความหมายน้อย: งานที่ไม่มีความหมาย ไม่ท้าทาย ไม่ส่งผลต่อสังคม มักทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ขาดแรงจูงใจ ส่งผลต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย: สภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น เสียงดัง อากาศร้อน แสงสว่างไม่เพียงพอ มักส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์

3. ปัจจัยด้านองค์กร

  • วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นผลงาน: วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นผลงาน มุ่งมั่นแต่ยอดขาย ผลกำไร ไม่สนใจสุขภาพกายและสุขภาพจิตของพนักงาน มักส่งผลต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • ระบบการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ: ระบบการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ งานซ้ำซาก ขาดการสนับสนุนจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน มักส่งผลต่อความเครียด เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • การสื่อสารที่ผิดพลาด: การสื่อสารที่ผิดพลาด ขาดความชัดเจน เกิดความเข้าใจผิด มักส่งผลต่อความเครียด เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์

4. ปัจจัยด้านสังคม

  • ค่านิยมที่เน้นการทำงาน: ค่านิยมที่เน้นการทำงาน มุ่งมั่นแต่ความสำเร็จ เงินทอง ทรัพย์สิน มักส่งผลต่อความเครียด เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • การแข่งขันสูง: สังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เปรียบเทียบ มักส่งผลต่อความเครียด เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์
  • การขาดการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง: การขาดการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง มักทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว เผชิญปัญหาด้วยตัวเอง เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเบิร์นเอ้าท์

เราสามารถลดความเสี่ยง โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้

  • เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: กล้าที่จะปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็น
  • แบ่งเวลาให้กับตัวเอง: หากิจกรรมที่ชอบทำเพื่อผ่อนคลาย
  • พูดคุยกับใครสักคน: ระบายความรู้สึกกับคนทีไว้ใจ
  • ลาพักร้อน: ลาพักร้อนเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจ
  • ตั้งเป้าหมายที่สมจริง: ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถบรรลุได้
  • ฝึกการขอบคุณ: จดบันทึกสิ่งที่รู้สึกขอบคุณในชีวิต
  • ฝึกสมาธิ: ฝึกสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ
  • ออกกำลังกาย: ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

องค์กร ก็มีบทบาทสำคัญในการป้องกันภาวะเบิร์นเอ้าท์ของพนักงาน โดย

  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต: เน้นความสมดุลระหว่างงานและชีวิต ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม สนับสนุนให้พนักงานมีเวลาพักผ่อน
  • ปรับปรุงระบบการทำงาน: ออกแบบงานที่มีประสิทธิภาพ ลดงานซ้ำซาก สนับสนุนการทำงานจากระยะไกล
  • พัฒนาทักษะการจัดการความเครียด: จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการความเครียด เทคนิคการผ่อนคลาย
  • ส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: สร้างช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจน เปิดกว้างรับฟังปัญหา
  • สนับสนุนให้พนักงานมีสุขภาพที่ดี: ส่งเสริมการออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตรวจสุขภาพประจำปี

สังคม ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะเบิร์นเอ้าท์ได้ โดย

  • ส่งเสริมค่านิยมที่เน้นความสมดุล: ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพจิต ไม่เน้นแต่ความสำเร็จ เงินทอง ทรัพย์สิน
  • ลดการแข่งขัน: ส่งเสริมความร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
  • สร้างสังคมที่อบอุ่น: ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่เผชิญกับภาวะเบิร์นเอ้าท์

ภาวะเบิร์นเอ้าท์ เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องตระหนัก เราทุกคน สามารถร่วมมือกันป้องกัน ลดความเสี่ยง และช่วยเหลือผู้ที่เผชิญกับภาวะเบิร์นเอ้าท์ เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี

ติดตามข่าวสาร

ติดตามเรา

Link to Facebook Link to Line