8 วิธีปรับพฤติกรรม ลาก่อนกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อนเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก อาการมักเกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนบริเวณอก เรอเปรี้ยว คอแห้ง และไอเรื้อรัง การรักษาที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันควบคู่ไปกับการใช้ยาตามความเหมาะสม ซึ่งการปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิธีดังนี้
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา แบ่งเป็น 3 มื้อหลัก และ 2 มื้อว่าง ไม่ควรอดอาหารหรือทานมากเกินไปในแต่ละมื้อ เพื่อลดการกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ
- รับประทานอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีต่อมื้อ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาย่อยอาหาร ป้องกันกรดไหลย้อน
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งกรด เช่น อาหารรสจัด อาหารทอด/มัน กาแฟ ชา น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต มะเขือเทศ หัวหอม กระเทียม เป็นต้น
- งดสูบบุหรี่ เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่จะกระตุ้นกรดไหลย้อน และส่งผลเสียต่อเยื่อบุหลอดอาหารในระยะยาว
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะภาวะอ้วนและน้ำหนักเกินจะเพิ่มแรงกดดันในช่องท้อง ทำให้กรดไหลย้อนได้ง่าย
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร และบรรเทาความดันในช่องท้อง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อคลายความเครียดที่อาจส่งผลให้กรดไหลย้อนกำเริบ
- ไม่ควรรับประทานอาหารก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการนอนในท่าหงาย โดยให้หนุนหมอนสูงขึ้น 15-20 ซม. เพื่อป้องกันการไหลย้อนของกรดในขณะนอน
นอกจากนี้ ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ไม่อึดอัดบริเวณหน้าท้องจนเกินไป ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยเจือจางฤทธิ์กรด
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดและป้องกันอาการกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี แต่หากยังไม่ดีขึ้นหลังจากทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาในอนาคต