15 เทรนด์เทคโนโลยี 2024 ที่คนทำงานต้องรู้

แชร์ Share Facebook Share Line

ในปี 2024 เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือชีวิตประจำวันของเรา นี่คือ 15 เทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญที่คนทำงานทุกคนต้องรู้จักและเตรียมพร้อมรับมือ

1. Democratized Generative AI

Generative AI (GenAI) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการคอนเทนต์ออนไลน์ เทคโนโลยีนี้สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ ๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ และข้อความ ที่มีคุณภาพสูง และยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขายและการเข้าถึงผู้บริโภคให้กับธุรกิจขนาดเล็ก GenAI ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการออกแบบสินค้า สร้างโมเดล 3D และพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

2. AI Trust, Risk and Security Management (TRiSM)

การบริหารจัดการความไว้วางใจ ความเสี่ยง และความปลอดภัยของ AI กำลังเป็นเรื่องสำคัญ TRiSM ช่วยเสริมความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ เช่น การปกป้องข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินและไฟล์ข้อมูลส่วนตัว โดยการใช้เทคโนโลยีการตรวจจับและการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อระบุและป้องกันภัยคุกคาม การประยุกต์ใช้ TRiSM ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. AI-Augmented Development

การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาซอฟต์แวร์ นักพัฒนาสามารถใช้ AI ช่วยในการเขียนโค้ดและทดสอบซอฟต์แวร์ ทำให้งานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ลดต้นทุนในการพัฒนาได้มาก AI ยังสามารถวิเคราะห์โค้ดเพื่อหาข้อผิดพลาดและเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันที่มีอยู่แล้ว

4. Intelligent Applications

แอปพลิเคชันที่ใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความฉลาดเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในการทำสิ่งต่าง ๆ คาดว่าในปี 2026 แอปพลิเคชันใหม่กว่า 30% จะใช้ AI เพื่อปรับปรุงการทำงานและประสบการณ์ของผู้ใช้ แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถปรับตัวตามพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้ เช่น แอปพลิเคชันแนะนำสินค้าหรือบริการ แอปพลิเคชันจัดการงานประจำวัน และแอปพลิเคชันสุขภาพที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและให้คำแนะนำ

5. Augmented-Connected Workforce (ACWF)

ACWF ใช้แอปพลิเคชันอัจฉริยะในการวิเคราะห์และพัฒนาทักษะการทำงานของพนักงานแต่ละคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน คาดการณ์ว่าในปี 2027 CIO ประมาณ 25% จะใช้ ACWF เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ACWF ยังสามารถใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้และเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน

6. Continuous Threat Exposure Management (CTEM)

CTEM มีบทบาทสำคัญในการปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา CTEM ช่วยตรวจจับและบล็อกการโจมตีทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ ป้องกันสแกมเมอร์และแฮกเกอร์ โดยใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องในการวิเคราะห์และตอบสนองต่อภัยคุกคาม CTEM ยังช่วยในการวางแผนและปรับปรุงกระบวนการความปลอดภัยขององค์กรให้ทันสมัยอยู่เสมอ

7. Machine Customers

Machine Customer หรือ 'custobots' เป็น AI ที่ใช้ในการจัดการธุรกิจและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ธุรกิจบริการและค้าปลีกใช้ AI เพื่อช่วยในการสั่งซื้อสินค้าและตอบคำถามลูกค้าอย่างรวดเร็ว custobots ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและเสนอแนะสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขาย

8. Sustainable Technology

เทคโนโลยียั่งยืนช่วยสนับสนุนผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี (ESG) องค์กรต่าง ๆ จะเริ่มใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและใช้พลังงานหมุนเวียนได้มากขึ้น เช่น IoT, Cryptocurrency, AI และ Cloud Storage เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

9. Platform Engineering

การสร้างและออกแบบแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ เป็นแนวโน้มที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้บริการ Platform Engineering ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีนี้ยังช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบและลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา

10. Industry Cloud Platforms (ICPs)

การใช้ Cloud Storage ในการพัฒนาธุรกิจด้านอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ICPs ช่วยในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นของการผลิตในโรงงานขนาดใหญ่ โดยเชื่อมต่อกับเครื่องจักรในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ICPs ยังช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้ยังช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ

11. อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT)

อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์และจัดการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดค่าใช้จ่ายได้ IoT ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์จากระยะไกล และยังสามารถใช้ในการสร้างระบบอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ IoT ยังช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการทำงานและลดการเสียเวลา

12. ความเป็นจริงเสมือน (VR) และความเป็นจริงเสริม (AR)

เทคโนโลยี VR และ AR กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับโลกเสมือน การใช้ AR ในการฝึกอบรมหรือการใช้ VR เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงานร่วมกัน VR สามารถใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สมจริง และ AR สามารถใช้ในการแสดงข้อมูลเพิ่มเติมในสภาพแวดล้อมจริง เทคโนโลยีนี้ยังช่วยในการออกแบบและการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ

13. คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing)

การใช้บริการคลาวด์ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลกำลังกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น การใช้คลาวด์ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อและบำรุงรักษาอุปกรณ์ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการทรัพยากร คลาวด์คอมพิวติ้งยังช่วยในการสร้างระบบที่สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของธุรกิจ และยังช่วยในการป้องกันข้อมูลจากการสูญหาย เทคโนโลยีนี้ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา

14. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)

การวิเคราะห์ข้อมูลกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจ การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) สามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถพยากรณ์แนวโน้มและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว Data Analytics ยังช่วยในการระบุโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้ยังช่วยในการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มยอดขาย

15. การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบไม่ต้องเขียนโค้ด (No-Code/Low-Code Development)

การพัฒนาซอฟต์แวร์โดยไม่ต้องเขียนโค้ดกำลังกลายเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ไม่ใช่นักพัฒนา การใช้เครื่องมือเหล่านี้สามารถลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้ No-Code/Low-Code Development ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและปรับปรุงแอปพลิเคชันได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนโค้ด เทคโนโลยีนี้ยังช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความซับซ้อนในการพัฒนาแอปพลิเคชัน

การเตรียมตัวและปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยให้คนทำงานสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่หมั่นอัปเดตเทรนด์ และไม่หยุดเพิ่มพูนความรู้และทักษะของตนเอง

ติดตามข่าวสาร

ติดตามเรา

Link to Facebook Link to Line